วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

เคยรู้ไหมว่าคนสมัยโบราณฟอกสีฟันยังไง

การฟอกสีฟันอาจดูเหมือนเป็นสิ่งที่ทันสมัย แต่จริงจริงแล้วการฟอกฟันให้ขาวนั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก  ในความเป็นจริงมนุษย์มีให้ความสำคัญกับเรื่องรอยยิ้มของพวกเขามานานหลายร้อยปีหรืออาจจะนานนับพันปีด้วยซ้ำไป
 การฟอกสีฟันให้ขาวเริ่มต้นที่ยุคอียิปต์โบราณและโรม

 ชาวอียิปต์ใช้ หินภูเขาไฟหิน และ น้ำหมักไวน์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักที่พวกเขานำมาใช้ฟอกสีฟันโดยทำมาเป็นแท่งไม้ไว้สำหรับคี้ยวเพื่อให้ฟันขาวขึ้น
 ส่วนชาวโรมเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์เป็นสารฟอกสีฟันที่ดีที่สุด แม้ว่าการใช้ปัสสาวะเป็นสารฟอกฟันจะฟังดูไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไรสำหรับพวกเราคนยุคนี้  แต่ในความเป็นจริงแล้วปัสสาวะมีแอมโมเนียซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟัน
       โดยศตวรรษที่ 18  หมอฟันไม่ได้เป็นคนฟอกสีฟันเหมือนในยุคเรานี้  ช่างทำผมต่างหากที่จะเป็นคนฟอกสีฟันให้กับลูกค้า  เป็นบริการเสริมที่ช่างตัดผมทำเสริมงานตัดผมที่เป็นหน้าที่หลัก พวกเขาฟอกสีฟันโดยใช้อุปกรณ์โลหะจากนั้นใช้กรดไนตริกซึ่งจะช่วยให้ฟันของลูกค้าเป็นสีขาวและมีประกายเงางาม เป็นที่น่าเสียดายที่ข้อเสียในการใช้เทคนิคนี้คือ ทำลายเคลือบฟันและกัดกร่อนฟันทำให้ฟันสลายตัว เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ความนิยมในการฟอกสีฟันลดน้อยลงเลย  เนื่องจากการมีฟันที่ขาวและสวยงามเป็นการแสดงถึงสถานะการเงินของบุคคล ทั้งๆที่จะมีผลกระทบเชิงลบ  ต้องขอบคุณที่ปัจจุบันนี้ เทคนิคเหล่านั้นได้รับการปรับปรุง และพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่นั้นมา
        ต้นศตวรรษที่ 19 ทันตแพทย์อิตาลี ค้นพบประโยชน์ของฟลูออไรด์ ซึ่งช่วยป้องกันฟันผุภายใน ไม่กี่ทศวรรษต่อมา  ทันตแพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการดูดคอร์เซ็ตฟลูออไรด์และแล้วฟลูออไรด์กลายเป็นส่วนผสมที่นิยมใส่ในยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก และแม้กระทั่งน้ำเปล่า แม้ว่าสารนี้จะช่วยป้องกันฟันผุได้ดีมาก แต่การใช้ฟลูออไรด์ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดคราบบนฟันตลอดจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันเปลี่ยนสีไปจากเดิม 
     คนสมัยก่อนคงลำบากกันน่าดูเลย ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้ที่ช่วยให้การฟอกสีฟันสะดวกง่ายและที่สำคัญปลอดภัยขึ้นมาก 
ขอบคุณข้อมูลจาก The Dental Clinic

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น